วันอังคารที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2554

การรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล


การรักษาด้วยพลังจักรวาล 
วิธีการรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล คือการส่งพลังจักรวาล ไปให้คนไข ้โดยไม่ใช้ อุปกรณ์ใดๆ นอกจากมือของผู้ให้การบำบัด โดยเฉพาะผู้ที่มีความสามารถสูง อาจไม่ต้องสัมผัสตัวคนไข้ก็ได้


การรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล เป็นวิธีการอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยรักษาโรคทางกาย และใจวิธีการรักษาโรคด้วยพลังจักรวาลนี้ไม่ใช่ไสยศาสตร์ พลังจักรวาลทำให้ เกิดความสมดุลโดยผ่านจุดหลัก 7 จุดในร่างกาย ที่ เรียกว่า "จักระ"ซึ่ง เป็นภาษา สันกฤตแปลว่า วงล้อการรักษาวิธีนี้ ได้รับการค้นคว้าจากโลก ตะวันตกเช่นกัน กล่าวได้ว่าพลังจักรวาลเป็นศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับพลังงานที่เราเรียกว่า พลังคอสมิคต้นกำเนิดของพลังจักวาลนี้ สืบสาวได้ถึงวิธีการรักษาโดยธรรมชาติ และวิธีนี้ได้ถูกค้นพบอีกครั้งภายใต้กฎความเป็นอยู่ของมนุษย์ซี่งขณะนี้มีความ พยายามไม่ใช้ยาจากสารเคมี


ขบวนการการทำงาน
พลังจักรวาลจะเข้าสู่ร่างกายคนไข้ และปรับความ สมดุลให้กับอวัยวะที่มีปั_หาของ คนไข้ ผลก็คือ ทำให้คนไข้หายป่วยหรือทุเลาจากโรคภัยไข้เจ็บ ที่กำลังเป็นอยู่ ทั้งนี้เพราะ เหตุผลที่ว่า บุคคลที่เจ็บป่วยมีสาเหตุเนื่องมาจาก อวัยวะที่เจ็บป่วยขาดความสมดุลของพลังจักรวาล จึงทำให้เกิดอาการของโรคต่างๆ ดังนั้น ผู้ที่มีความสามารถรับ และส่งพลังจักรวาลให้กับผู้ป่วยได้โดยส่งพลังจักรวาล ผ่านไปตามจักระของมนุษย์ ไปสู่ที่อวัยวะที่เจ็บป่วย เพื่อให้พลังจักรวาลปรับความสมดุลที่อวัยวะนั้น จึงทำให้ ผู้ป่วยหายหรือทุเลา จากการเจ็บป่วยนั้นๆ และกลับสู่สภาพปกติดังเดิม


วิธีการรักษานี้ จะใช้การสัมผัสด้วยมือ (หรือไม่ใช้การสัมผัสก็ได้ เรียกว่าการรักษาทางไกล) โดยใช้เวลาแต่ละครั้ง จะต้องไม่เกิน 5 นาที และตามปกติวันหนึ่งจะทำการรักษาเพียง 1 ครั้งเท่านั้น




การบำบัดนี้ผู้ทำการบำบัดควรจะมีความคิดและจะต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. ผู้ทำการบำบัด ต้องฝึกให้มีความคิดที่จะบรรลุถึงการควบคุมตนเองในภาระหน้าที่ต่างๆทุกประการ จากหน้าที่เล็กๆ ในครอบครัวไปจนถึงหน้าที่สูงสุดในสังคมนี่เป็นเป้าหมายของการฝึกฝนด้วยตนเองเมื่อผู้ทำการบำบัดบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าว แล้วจะสามารถนำความผาสุกมาสู่คนไข้ได้


2. ผู้ทำการบำบัดและครอบครัวต้องผ่านการพิสูจน์จากสังคม และยอมรับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา แม้จะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ยิ่งทนได้มากเท่าไร กรรมของเราก็จะหมดลงเร็วเท่านั้น ขณะที่เราทนต่อความทุกข์ยากได้ จิตวิญญาณจะพุ่งสู่ระดับสูงขึ้น เมื่อจิตวิญญาณของเราพัฒนาเข้าสู่ ระดับสูงขึ้น ร่างกายของเราก็จะดูดซับพลังจักรวาลได้ง่ายขึ้น ในสภาวะเช่นนี้เราจะมีความสามารถมากพอที่จะบำบัดคนไข้ทั้งหมดที่มาพบเราได้ ถึงแม้ว่าคนไข้เหล่านั้นจะมีโรคที่ยากต่อการบำบัด


3. เราต้องให้ความรักคนไข้ให้มากเท่ากับที่รักครอบครัวของเรา และต้องไม่แบ่งแยกชนชั้น


4. ระหว่างการบำบัด ความคิดคำนึงของเราควรจดจ่ออยู่ที่คนไข้ และต้องไม่ยอมให้สภาวะแวดล้อมภายนอกทำให้เราไขว้เขว


5. ผู้ฝึกฝนต้องเสียสละประโยชน์ส่วนตนด้วยการปฏิเสธความมีชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ และความรัก ความมีชื่อเสียงควรนำมา สู่บ้านเกิดเมืองนอนของตน ทรัพย์ศฤงคารควรอุทิศให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศของตน และความรักควรจะแบ่งบันไปสู่มวลมนุษย์


6. ร่างกายของมนุษย์มีจุดสำคัญ 7 จุด เมื่อจุดเหล่านี้ถูกเปิด จะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่าเต็มที่ ในชั้นต้นเมื่อได้รับการเปิดจุด 6 จุด และได้ฝึกฝนด้วยตนเอง จนประสบผลสำเร็จแล้ว จุดสำคัญอีก 1 จุด จะถูกเปิด ซึ่งถือว่าได้บรรลุถึงจุดสูงสุด และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์




จักระทั้ง7เป็นอย่างไร
จักระ 1 (ดอกบัว 4 กลีบ) มีชื่อว่า มูละธารณะ 
- อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก
- เป็นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต และเป็นกลไกที่ทำให้สืบทอดพันธุ์เป็นมนุษย์อยู่ในโลกทุกวันนี้
- ผู้ที่ปฏิบัติได้ถึงระดับสูงสุด จักระนี้จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ


จักระ 2 (ดอกบัว 6 กลีบ) ชื่อว่า สวาธิษฐานะ 
- อยู่ตรงปลายก้นกบ เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังทางเพศ รวมทั้งความเชื่อมั่นในตนเอง
- ควบคุมระบบการสืบพันธุ์, การขับกากอาหารและของเสียออกจากร่างกาย (ระบบการขับถ่าย) รวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด
- ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับอัณฑะ, ท่อปัสสาวะ, อวัยวะสืบพันธุ์, มดลูก, รังไข่, ช่องคลอด, ทวารหนัก, กามโรค


จักระ 3 (ดอกบัว 8 กลีบ) มีชื่อว่า มณีปุระ 
- อยู่ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์กลางของการหยั่งรู้ ณ จุดนี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย
- ควบคุมระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย
- ใช้รักษากระเพาะอาหาร, ลำไส้ใหญ่, ลำไส้เล็ก, ลำไส้อ่อน, ลำไส้แก่, ไส้ติ่ง, ตับ, ม้าม, ดี, กระเพาะปัสสาวะ, ไต, โรคเบาหวาน, ถุงน้ำดี, ต่อมหมวกไต


จักระ 4 (ดอกบัว 10 หรือ 12 กลีบ) ชื่อว่า อะนาหตะ 
- อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริง รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้วยความเมตตากรุณา และความเสียสละ
- ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต, หัวใจและระดับไขมันในเส้นเลือด
- ใช้รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจโต, หัวใจเล็ก, หัวใจรั่ว, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเส้นเลือด, หัวใจเต้นอ่อนและเหนื่อยเร็ว


จักระ 5 (ดอกบัว 16 กลีบ) ชื่อว่า วิศทะ 
- ความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ความสมดุลของสติปัญญา
- อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ตัดกับกระดูกสันหลัง
- ควบคุมระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง
- ใช้รักษาโรคปอด, หลอดลม, ลำคอ, ไซนัส, ต่อมผิวหนัง, หลอดลมอักเสบ, หอบหืด, ไอ, จมูก, ผื่นคัน, โรคผิวหนัง


จักระ 6 (ดอกบัว 2 กลีบใหญ่ และกลีบย่อย 100 กลีบ) ชื่อว่า อะชะ 
- อยู่ตรงกลางหน้าผาก เปรียบเสมือนนัยน์ตาของปัญญา ใช้เป็นตาที่ 3 (ญาณวิเศษ) สำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ห้าม ผู้สำเร็จ ระดับ1, 2,3,4 และ 5 ใช้จักระนี้ในการรักษาโรคอย่างเด็ดขาด
- ควบคุมสติปัญญา, ความนึกคิด, ความเฉลียวฉลาด, และระบบประสาท
- ผู้ที่เรียนถึงระดับ 5 จะใช้จักระนี้ทำสมาธิเท่านั้น (ถ้ารักษาโรคด้วยจักระนี้ จักระที่เปิดไว้ทุกจักระจะปิด)


จักระ 7 (ดอกบัว 1,000 กลีบ) ชื่อว่า สหสราระ 
- อยู่ตรงกลางกระหม่อมหรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว
- ควบคุม ระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ เป็นจุดรับพลังจักรวาล และทำการกระจายไปทั่วร่างกาย เป็นจุดที่ สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ที่จักระอื่นไม่สามารถรักษาได้โดยตรง
- ใช้รักษาเส้นประสาท, สมอง, ตา, หู, อวัยวะในช่องปาก, โรคเจ็บป่วยซึ่งเกี่ยวกับระบบประสาททั่วไป ที่อยู่นอกเครือข่ายของ จักระอื่น เช่น ระบบกล้ามเนื้อ, ไทรอยด์, ต่อมทอนซิล, กล่องเสียง


จักร ทั้ง 7 นี้ทำหน้าที่ควบคุม จิต จิตใต้สำนึก อารมณ์ ปัญญา เป็นต้น เซลล์พิเศษของสมอง เรียกว่า ไมโครเซลล์ ไมโครเซลล์นี้ จะฉายแสงสีเหลืองเป็นประกายและสั่นไหวอย่างรุนแรง เป็นหลักการสั่นไหว เมื่อผู้ฝึกสมาธิ และจะสั่นไหวแรงขึ้น เมื่อ ฝึกในระดับที่สูงขึ้น จนขยายไปทุกส่วนของอวัยวะในร่างกายในทั่วร่าง และถ้าหากผู้ฝึกสามารถสั่งสมเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น ไมโครเซลล์เหล่านี้ จะมีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า กายทิพย์ และกายทิพย์นี้ เป็นเหมือนเครื่องมืออเนกประสงค์เลยทีเดียว บางที่อาจสร้างความมหัศจรรย์ของมนุษย์ได้ครับ






จากหลัก การสั่นไหว มากับพลังจักรวาล มาอีกหลักหนึ่งคือ การหมุน หรือการเคลื่อนไหวเป็นทรงกลม ดูดพลังจักรวาล เข้ามาเพื่อเป็นกลไกการทำงาน


คนโบราณได้ค้นพบว่า รูปทรงต่าง ๆ บางรูปเปล่งหรือปล่อยพลังจักรวาลออกมาเองโดยอัตโนมัติ และแรงกว่าธรรมดา ที่เป็นเช่นนี้เพราะพลังจักรวาลเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก และเป็นทรงกลมที่หมุนอยู่ตลอดเวลา เมื่ออนุภาคมาเกาะตัวกันมันก็หมุน โดยเคลื่อนไหวของอนุภาคเหล่านี้ก็จะเกิดการถ่ายเทพลังงาน และนำไปสู่รูปทรงที่ต่างกันย่อมก่อให้เกิดคลื่น ของจักรวาลที่ต่างกันออกไป


ปราณ เป็นสิ่งค้ำจุนสรรพสิ่งในจักรวาล ดังนั้น ย่อมสามารถนำมันมาใช้เพื่อการพัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณของคนได้แน่นอนครับ


การหมุน การหมุน จะถ่ายเทพลังงานตามหลักการสั่นไหวร่วมกัน เห็นได้ชัด ตามตัวอย่างทั่วไป ก็คือ พายุ ไต้ฝุ่น ซึ่งหมุนซ้ายทวนเข็มนาฬิกา และเวลาผ่านไป มันจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ การหมุนนี้ ก็คล้ายกับวิชาอื่น ก็คือ ไทเก็ก และ ฝ่ามือมังกรแปดทิศ ก็มีการเคลื่อนไหว เป็นวงกลม และถ้ายิ่งฝึกวิชามังกรแปดทิศ พลัง รวมถึง ดูดซับพลังจักรวาลด้วยแล้ว พลังก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณเลยครับ

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วิธีการแก้กรรมหรือตัดกรรม

"กรรมของทุกชาติทุกภพอาจจะเป็นหนึ่งล้านวิญญาณ
หรือแสนๆล้านวิญญาณ เพราะเราตาย เกิด ก็ล้านๆชาติภพ
เจ้ากรรมนายเวร วิบากกรรมของทุกชาติภพจะตามเรามา
วินาทีแรกที่ปฏิสนธิในท้องแม่ บุญและบาปกี่ล้านวิญญาณ
กี่ล้านมหากุศล ก็จะมาเสวยในภพที่เกิดมาเป็นมนุษย์

ขณะที่เรามีความสุขสบายก็เสวยบุญ
ขณะที่ทุกข์ระทมก็เสวยบาปของภพชาติก่อนๆ กี่ล้านชาติก็หารู้ไม่
อาจเกิดในสมัยชมพูทวีป พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่หนึ่งก็ได้
อาจเป็นกี่แสนล้านมหากัลป์  เวียนว่ายตายเกิดไม่จบสี้น
เพราะมนุษย์เป็นผู้มีจิตใจอ่อนแอ อ่อนไหวต่อโลกธรรมแปด
เพราะฉะนั้นบุญและบาปของชาติปัจจุบันนี้ อาจจะเสวยอีกหนึ่งร้อยชาติข้างหน้าก็ได้
เพราะต้องจบสิ้นบุญและกรรมของชาติภพก่อนเป็นลำดับ ตามขั้นตอน
จะมาแซงคิวก็ไม่ได้ ผู้รู้มีปัญญา จะพยายามทำกุศลต่อเนื่อง
และสร้างบุญบารมีไม่ขาดสาย ทำได้เท่าที่ทำได้ โอกาสพร้อม
และควรทำบุญด้วยปัญญา ทำบุญมากอาจได้บุญน้อยก็ได้
เรียกว่าหลงบุญ ทำบุญด้วยคุณภาพ คือปัญญาทางธรรม เกิดเป็นมหากุศลต่อเนื่อง
จบสิ้นถึงขั้นพระอรหันต์ผลได้"

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ดวงดีหรือร้าย ขึ้นอยู่กับสภาวะจิต

"ดวงคนเรา จะขึ้นจะลง ขึ้นอยู่กับสภาวะจิตและบารมีของเราด้วย
บางคนบุญและบารมีเยอะดวงจึงดี ไม่ว่าสภาวะจิตจะแย่เพียงใด
แต่คนที่มีบุญน้อย บารมีน้อย จะมีผลค่อนข้างมาก
หากช่วงที่ไม่สบาย ร่างกายอ่อนแอ หรือมีความเครียดรุมเร้า
สังเกตได้ว่าจะมีเรื่องที่ไม่ดีตามพ่วงมาด้วย
แต่ถ้าสภาวะจิตของเราดี และแจ่มใส ออร่าของเราก็จะเปล่งแสง
ต่อให้ร่างกายเราแย่แค่ไหน สถาวะแวดล้อมเป็นเช่นไร
ดวงเราก็จะคงที่ ไม่มีอะไรแย่ๆเข้ามา

ทำไมคนป่วยเป็นมะเร็ง ถึงต้องใช้วิธีการบำบัด ควบคู่กับการใช้ยา
เพราะการบำบัดส่งผลต่อคนไข้มากกว่ายา ซึ่งยารักษามะเร็งที่จริงแล้วไม่มีในโลก
สภาวะจิตใจ และสิ่งแวดล้อมต่างหาก ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอายุยืนนานขึ้น
หรือหายได้อย่างมหัศจรรย์  ดวงคนเราก็เช่นกัน ถีงมีอาจารย์หลายคน
ได้แนะนำให้มีการสวดมนต์  ภาวนา หรือนั่งสมาธิ เพื่อปรับดวง แก้กรรม เกิดขึ้น
เพราะเป็นวิธีที่จะช่วยให้สภาวะจิตใจเราเป็นสมาธิและมีพลัง
เมื่อจิตมีสมาธิ มีพลัง และผ่องใส สิ่งดีๆก็จะตามเข้ามาในดวงจิต
ถ้าเราคิดแต่เรื่องแย่ๆ มีความกังวลตลอดเวลา เรื่องแย่ๆก็จะเข้ามา

จิตของเรา คล้ายๆกับแม่เหล็กที่คอยดูดพลังงานนั้นๆเข้ามา
ทุกๆเสี้ยวความคิดของเรา ทุกๆคำพูดของเรา
ล้วนเป็นพลังงานที่ส่งผลในชีวิตปัจจุบันหรืออนาคตทันที
เพราะอำนาจของจิตนั้นมีพลังมากๆ แค่พูด แค่คิด ก็เกิดผลได้
ถึงได้มีการสอนภาวนา หรือสวดมนต์นั้นไง ยิ่งสวดมาก ยิ่งภาวนามาก ยิ่งเกิดผล!

ตัวเรา กับดวงจิต มีความสัมพันธ์กันชัดเจน  ถ้าเราทำตัวให้เป็นสีขาว สะอาด
พลังงานบวก หรือเรื่องดีๆก็จะเข้ามา  ถ้าเราทำตัวเป็นสีดำ สกปรก พลังลบ หรือเรื่องร้าย
ก็จะเข้ามาเช่นกัน"

วิชาถอดรหัสกรรมและเลขศาสตร์

"มนุษย์ส่วนใหญ่ในโลกนี้....................
ล้วนแต่มีรหัสที่ฝังอยู่ในระบบพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ ของแต่ละคนแตกต่างกันไป
แต่การที่เราจะเจาะรหัสเหล่านั้นได้ มันยากยิ่งนัก  แต่ตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับชีวิต
หรือที่วนเวียนอยู่กับชีวิตของเรา ล้วนเกี่ยวข้อง สัมพันธ์ และส่งผลกับชีวิตเราทั้งสิ้น
เช่น วันที่เกิด เลขบัตรประชาชน เลขบัตรประจำตัวต่างๆ  เลขที่บ้าน เบอร์มือถือ
เลขทะเบียนรถ หรืออีกสารพัด...
ตัวเลขเหล่านี้ คือรหัสโค๊ด หรือแฝงไว้ด้วยความหมายที่บ่งบอกถึงอดีต ปัจจุบัน
และอนาคตได้

อ เจมส์ สว่างทรัพย์ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งตัวเลข
ได้พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่า ตัวเลข สำคัญยิ่งนัก บางครั้งมันมีพลัง
ที่สามารถทำให้คนเป็นหรือคนตายได้  สามารถดูชาติอดีตได้  ดูชีวิตปัจจุบันได้
ดูอนาคตได้ ดูลักษณะนิสัยใจคอได้   หรือดูเรื่องความเป็นความตายได้

ดังนั้น ศาสตร์วิชาถอดรหัสกรรม ก็คือวิชาเลขศาสตร์ชั้นสูง ที่มีความแม่นยำ
และสามารถพิสูจน์ได้  วิชาเลขศาสตร์ เป็นวิชาที่กำเนิดขึ้นมานานกว่า 4,000 ปี
โดยชนเผ่าบาบิโลเนียนเป็นผู้คิดค้นขึ้น   ชนเผ่าบาบิโลเนียน
เป็นชนชาติที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางวิทยาการต่างๆเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะทางด้านวิชาโหราศาสตร์ จนเป็นที่แพร่หลาย
และได้รับการยอมรับไปทั่วโลก  สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน"

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

รายละเอียดการเปิดกรรม

ดูดวงแบบเต็มๆ และละเอียด ผ่านอีเมลล์นะครับ
หัวข้อในการดูหลักๆ และขั้นตอนในการดูดวงกับผมก็มีดังนี้...

-อดีตชาติของคุณ
-ชีวิตในชาติปัจจุบัน
-การเงินและการงาน
-สุขภาพที่ต้องระวัง
-เรื่องความรักหรือครอบครัว
-ชีวิตในอนาคต
-ดวงที่อยู่อาศัย
-การลดกรรมและการเสริมดวง

คำถามอื่นๆ สามารถแจ้งเพิ่มเติมได้ครับ

โอนเงินค่าเปิดกรรมมาที่
ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนรามคำแหง
เลขที่บัญชี 736 270 2024 ชื่อบัญชี อ. สว่างทรัพย์

ค่าเปิดดวงเพียง 250 บาทเท่านั้นครับ
(ช่วงนี้รายได้ส่วนนึง จะนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วยครับ)


เมื่อโอนมาแล้ว กรุณาแจ้ง .....
ชื่อเล่นของคุณ วันที่เกิด อายุปัจจุบัน เลขท้ายบัตรประชาชนสามตัวหลัง 
เลขที่บ้านหรือเลขที่ห้องที่อยู่ปัจจุบัน (เพื่อดูครอบครัวหรือดวงที่อยู่อาศัย)
เพื่อความแม่นยำยิ่งขึ้น กรุณาแนบรูปถ่ายตัวจริงของท่านมาด้วยนะครับ
(ไม่จำกัดขนาด และเป็นช่วงวัยใดก็ได้)

แล้วส่งข้อมูลมาทางอีเมลล์ symbasy1415@gmail.com

นอกจากนั้น คุณสามารถส่งข้อมูลดวงชะตาของแฟนคุณ เพื่อนคุณ
หรือคนในครอบครัวคุณคนใดคนนึง เพื่อดูประกอบด้วยก็ได้ครับ 
เช่นวันที่เกิด อายุตอนนี้ หรือเลขท้ายบัตรปปช. (สำคัญที่สุด)

ระบุคำถามที่อยากรู้มากที่สุดมา สาม ข้อด้วยนะ ส่วนเรื่องอื่นๆก็จะตอบให้ครบถ้วน แบบละเอียดครับ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 081-103-4195

ขอบคุณครับ



"ทำไมดูดวงต้องใช้เลขท้ายบัตรประชาชน!!!
มนุษย์เรามีโค๊ดรหัสอยู่ในทุกๆคน คล้ายๆกับรหัสดีเอ็นเอที่ต่างกันของแต่ละคน
การที่เราจะล่วงรู้ความลับ หรือชีวิตของแต่ละคนได้นั้น ต้องรู้รหัสของบุคคลคนนั้นเสียก่อน
ถึงจะเจาะเข้าไปในฐานข้อมูลของดวงจิตได้ เลขบัตรประชาชน หรือวันที่เกิด
คือรหัสสำคัญในการเจาะเข้าไปส่องชีวิตของแต่ละคนได้
นี่แหล่ะคือเหตุผลที่ผมต้องอาศัย เลขท้ายบัตรประชาชนในการดูดวง
เพราะตัวเลขทุกตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเรา คือรหัสสำคัญที่จะรู้ความลับในทุกๆอย่าง"

อ.เจมส์ สว่างทรัพย์

หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่
http://www.facebook.com/profile.php?id=100002384764855